ReadyPlanet.com


ประเทศไทยหลังมรสุมโควิด 19


ภาพรวมของประเทศไทย

ประเทศไทย ผ่านปีหนักๆไปอีกปีแล้วกับวิกฤตวัววิด 19 ที่ยังก่อให้เกิดผลเสียสม่ำเสมอแล้วก็ทิ้งรอยแผลสดให้กับเศรษฐกิจเมืองไทยอย่างไม่รู้จักว่าจะจบเมื่อใด ทั้งยังภาคธุรกิจรวมทั้งพสกนิกรต่างก็ได้รับผลพวงกันถ้วนหน้า แม้กระนั้นเศรษฐกิจในปีถัดไปจะเป็นยังไง มีต้นเหตุใดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นได้ หรือมีหลักสำคัญใดที่ระมัดระวัง เนื้อหานี้จะขอพาทุกท่านไปตรวจการคาดคะเนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกแล้วก็เศรษฐกิจไทยในปี 2565 เพื่อตระเตรียมต่อกรได้ทันการ

 
ประเทศไทย เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในตอนฟื้น แม้กระนั้นมีความเปราะบาง ปี 2565 จะยังคงเป็นปีของการฟื้นฟูสภาพจากการแพร่ระบาดของวัววิด 19 และก็มีลัษณะทิศทางกลับไปสู่ภาวการณ์ธรรมดาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นลำดับ โดยปัจจุบันเมื่อตุลาคม 2564 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดเดาว่าเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะขยายตัวที่ 4.9% ชะลอลงจากปี 2564 ที่ขยายตัว 5.4% ในปีถัดไป เศรษฐกิจโลกบางทีอาจยังจำเป็นต้องพบเจอกับความท้าหลายประการ แล้วก็มีความเปราะบางในระยะแรกของการฟื้นฟูสภาพ โดยยิ่งไปกว่านั้นการจัดการกับการแพร่ระบาดของวัววิด 19 เนื่องด้วยผู้กระทำระจายวัคซีนในหลายประเทศยังทำเป็นไม่ทั่วถึง ประกอบกับการใช้วิถีทาง living with COVID1 ทำให้ยังมีการเสี่ยงที่การแพร่ระบาดจะกลับมาเป็นระยะ ดังที่เริ่มมองเห็นปริมาณผู้ติดโรคกลับมามากขึ้นในช่วงปลายปี 2564 แล้วก็บางประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง โดยเหตุนี้ หลักสำคัญที่พวกเราจำเป็นต้องจับตาในหัวข้อการฟื้นของเศรษฐกิจโลกมีอยู่ 3 ข้อความสำคัญ ดังต่อไปนี้
 
แนวโน้มการฟื้นฟูสภาพแบ่งเป็น 2 กรุ๊ปชัดแจ้ง
กรุ๊ปแรกเป็น กรุ๊ปประเทศที่เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวการตลอด เพราะเหตุว่าสามารถเปิดเมืองรวมทั้งเปิดประเทศได้ก่อน ซึ่งโดยมากเป็นกรุ๊ปเศรษฐกิจปรับปรุงแล้ว (Advanced Economies: AEs) ดังเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ยุโรป รวมทั้งประเทศสิงคโปร์ที่มีอัตราการฉีดยาที่ก้าวหน้ามากยิ่งกว่าชาติอื่นๆรวมทั้งมีการอัดฉีดจำนวนเงินมากมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ2 ก็เลยมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ออกจะดี ซึ่งผลบุญนี้ได้ส่งต่อมายัขี้ตระหนี่ลุ่มประเทศที่พึ่งพิงพาการส่งออกผลิตภัณฑ์ อาทิเช่น ประเทศเม็กซิโก เวียดนาม ประกอบกับบางประเทศ ดังเช่น ไต้หวันรวมทั้งประเทศเกาหลีใต้ ได้รับแรงช่วยเหลือเพิ่มจากวัฏจักรผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีทิศทางเติบโตรีบขึ้น ตามกระแสโลกดิจิทัลและก็ work from home เนื่องจากว่าเป็นกรุ๊ปผู้ส่งออกหลักในตลาดโลก
 
อีกกรุ๊ปเป็น กรุ๊ปประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พึ่งจะฟื้นได้ข้างหลังการทยอยเปิดเมืองและก็เปิดประเทศ โดยมากอยู่ในกรุ๊ปประเทศตลาดกำเนิดใหม่ (Emerging Markets: EMs) ที่ผู้กระทำระจายวัคซีนทำเป็นช้ากว่าและก็พึ่งพาอาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวสูง อาทิเช่น กรีซ ประเทศโปรตุเกส ไทย และก็มาเลเซีย โดยบางประเทศที่การท่องเที่ยวพึ่งพาอาศัยนักเดินทางจีนจะยังคงได้รับผลพวงตลอดในปี 2565 จากการที่จีนยังคงใช้แนวนโยบายปิดประเทศตามแนวทางความทรหดอดทนต่อวัววิด 19 เป็นศูนย์ (zero tolerance) ทำให้การฟื้นฟูสภาพของรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศกลุ่มนี้ยังกลับมาไม่สุดกำลัง
 
ปัญหา Global Supply Disruption มีลัษณะทิศทางกินเวลาถึงกลางปี รวมทั้งยังจำต้องติดตามแนวโน้มราคาพลังงานรวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคที่บางทีอาจสร้างแรงกดดันต่อทุนรวมทั้งเงินเฟ้อ
 
ปัญหา global supply disruption อีกทั้งการขาดแคลุกลี้ลุกลนเซมิคอนดักเตอร์รวมทั้งตู้คอนเทนเนอร์ในภาคการขนส่ง มีทิศทางกินเวลาไปจนกระทั่งกลางปี 2565 เนื่องด้วยอัตราการฟื้นฟูสภาพของเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศทำให้มีการเกิดความไม่พอดีของอุปสงค์รวมทั้งอุปทานในตลาดโลก แต่ว่าคาดว่าในตอนช่วงหลังของปี 2565 ปัญหาจะทยอยคลี่คลายเป็นลำดับ โดยอุปทานของเซมิคอนดักเตอร์มีลักษณะท่าทางมากขึ้นรวมทั้งรองรับอุปสงค์ได้มากขึ้นตามการขยายกำลังในการผลิตและก็ลงทุนสร้างโรงงานใหม่ของผู้สร้างในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ในการขาดตู้คอนเทนเนอร์รวมทั้งการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ช่วงเวลานาน คาดว่าเหตุการณ์จะปรับดียิ่งขึ้น เหตุเพราะหลายประเทศจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของวัววิด 19 ได้มากขึ้น แต่ ยังจะต้องสังเกตการปรับตัวของราคาพลังงานรวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคในตลาดโลกภายใต้กระแส green economy ที่บางทีอาจสร้างแรงกดดันให้ทุนแล้วก็อัตราเงินเฟ้อของโลกปรับสูงมากขึ้น
 
ตลาดการคลังโลกปั่นป่วนขึ้นจากการปรับแผนการการคลังเพื่อไปสู่สภาวะธรรมดา (Policy Normalization) ของธนาคารกลางประเทศหลัก
 
เศรษฐกิจที่ฟื้นสม่ำเสมอ รวมทั้งแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ของกินของใช้โลกที่พุ่งสูงมากขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากรอบวัตถุประสงค์หลักการการคลัง ยกตัวอย่างเช่น นิวซีแลนด์ ประเทศโปแลนด์ ฮังการี แล้วก็ประเทศเกาหลีใต้ เหมือนกับสหรัฐอเมริกา ที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 31 ปี นำมาซึ่งการทำให้ธนาคารกลางหลายที่เริ่มทยอยปรับลดการคลายอารมณ์แนวทางการคลังเพื่อไปสู่ภาวการณ์ธรรมดา อาทิเช่น Bank of Korea (BOK) ที่เริ่มปรับขึ้นอัตราค่าดอกเบี้ยแนวนโยบายแล้วในสิงหาคม 2564 Monetary Authority of Singapore (MAS) ที่ปรับไปใช้หลักการอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าในต.ค. 2564 ยิ่งกว่านั้น ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ก็มีแผนการจะปรับลดวงเงินแผนการซื้อทรัพย์สิน (QE tapering) ตั้งแต่สิ้นปี 2564 เหมือนกัน รวมทั้งบางทีอาจตรึกตรองปรับอัตราค่าดอกเบี้ยหลักการเร็วขึ้นได้ถ้าหากแรงกดดันเงินเฟ้อรีบมากยิ่งกว่าที่คาดไว้ ฉะนั้น ในปี 2565 แนวทางการคลังที่มีลัษณะทิศทางเอาจริงเอาจังขึ้นของธนาคารกลางหลายที่และก็ธนาคารกลางหลัก อาจจะก่อให้ตลาดการคลังโลกมีความปั่นป่วน และก็บีบคั้นต่อการฟื้นฟูสภาพของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปที่พึ่งจะฟื้นจากการระบาดของวัววิด 19
 
เศรษฐกิจไทยปี 2565 ก้าวแรกในโลกข้างหลังวัววิด 19 แม้เทียบกับประเทศต่างๆทั้งโลก ไทยยอดเยี่ยมในประเทศที่อยู่ในกรุ๊ปที่ฟื้นช้า เนื่องจากว่ามีรูปทรงการพึ่งภาคการท่องเที่ยวสูง พิษจากวัววิด 19 ทำให้เกิดผลเสียให้เศรษฐกิจซบเซามากมายว่า 2 ปี แม้กระนั้นภายหลังที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าในปี 2565 นี้จะเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นอย่างแจ่มแจ้ง โดยมีอัตราการขยายตัวได้ราว 3.9% ปัจจัยหลักมาจากการได้รับวัคซีนซึ่งนับว่าเป็นยาถูกขนานทำให้เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาขับเคลื่อนได้อย่างมาก รวมทั้งการเปิดรับนักเดินทางฝรั่ง ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลัก อย่างไรก็ตาม ทางด้านหน้าบางทีอาจไม่ราบรื่นนัก ยังมีปัญหารวมทั้งความท้าอีกมากมาย จากทั้งยังในแล้วก็เมืองนอกที่ไทยจึงควรเตรียมรับมือ
 
กำลังขับเขยื้อนเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงมาเป็นอุปสงค์ในประเทศ ในตอนที่การส่งออกผลิตภัณฑ์มีทิศทางชะลอตัว
 
จากการที่แนวโน้มการระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และก็อัตราการฉีดยามีความก้าวหน้าตลอด ก็เลยคาดว่ารัฐบาลจะเดินหน้าบรรเทามาตรการควบคุมโรคระบาดได้โดยไม่ต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มการระบาดในวงกว้างอีก ทำให้ประชากรและก็ร้านค้าต่างๆสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและก็เปิดกิจการได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ กำลังขับเขยื้อนของเศรษฐกิจในปี 2565 ก็เลยมาจากการใช้จ่ายของประชากรในประเทศเป็นหลัก ทั้งยังการบริโภค การลงทุน แล้วก็การเดินทางท่องเที่ยวข้างใน ประเทศ ซึ่งจะมาตอบแทนการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่จะชะลอลงบ้างภายหลังได้รีบรู้สึกตัวไปก่อนหน้าแล้ว ตามแนวทางเศรษฐกิจโลก ระหว่างที่รายได้จากการเปิดรับนักเดินทางฝรั่งจะดียิ่งขึ้นแจ่มแจ้งตั้งแต่ตอนช่วงหลังของปีเป็นต้นไป
 
การฟื้นฟูสภาพยังบอบบางและไม่ทั่วถึง หรือเป็นแบบ K-Shaped Recovery แม้ว่าจะเปิดประเทศ แม้กระนั้นนักเดินทางฝรั่งมีลักษณะท่าทางกลับมาได้เพียงแค่นิดหน่อย โดยในทีแรกๆเป็นกรุ๊ปนักเดินทางจากสหรัฐอเมริกา และก็ยุโรป ช่วงเวลาที่คนจีนที่เป็นนักเดินทางรายใหญ่ของไทย (11 ล้านคนภายในปี 2562) ยังกลับเข้ามาน้อย เนื่องด้วยคาดว่ารัฐบาลจีนยังคงเคร่งครัดการเดินทางระหว่างชาติของคนจีนตามแผนการ zero tolerance ประกอบกับหลายประเทศดำเนินแนวนโยบายการกักตัวนักเดินทางที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ในปี 2565 รายได้จากนักเดินทางฝรั่งจะยังไม่กลับกลายธรรมดา โดยคาดว่าจะมีปริมาณนักเดินทางเพียงแค่ 6 ล้านคน หรือเพียงแต่ 15% ของระดับก่อนวิกฤตวัววิด 19 และก็มากขึ้นเป็น 20 ล้านคนภายในปี 2566 และก็ใช้เวลาต่อจากนั้นอีก 3 ปีก็เลยจะกลับไปสู่ระดับธรรมดาที่ 40 ล้านคน การฟื้นฟูสภาพของภาคการท่องเที่ยวที่จะจำต้องใช้เวลา ทำให้ธุรกิจนิดหน่อยยังไม่อาจจะกลับมาทำงานได้ตามเดิม รวมทั้งแรงงานบางกรุ๊ปที่บางทีอาจยังจะต้องว่างงานหรืองงานซ่อนเร้นไปอีกระยะหนึ่ง
อัตราเงินเฟ้อยังไม่เป็นปัญหา แม้กระนั้นจะต้องจับตา เหตุการณ์อัตราเงินเฟ้อของไทยยังไม่น่ากลุ้มใจเท่าประเทศอื่นๆโดยอัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปยังคงอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ ราคาน้ำมัน แล้วก็ผลิตภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภคที่ปรับนิสัยสูงมากขึ้นในช่วงปลายปี 2564 มีผลต่อไทยไม่มากมาย ส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นเนื่องจากว่ามาตรการภาครัฐโดยยิ่งไปกว่านั้นการตรึงราคาน้ำมันดีเซล อีกส่วนมาจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจยังแบกรับทุนไว้เองเนื่องมาจากอุปสงค์ในประเทศยังไม่ฟื้น อย่างไรก็แล้วแต่ การแบกรับทุนของผู้ประกอบธุรกิจมีผลต่อความแข็งแรงของฐานะทางด้านการเงินภาคธุรกิจ แล้วก็แนวโน้มการลงทุนในอนาคต ด้วยเหตุผลดังกล่าว ถ้าหากราคาน้ำมันรวมทั้งผลิตภัณฑ์ของกินของใช้ยังปรับพฤติกรรมสูงมากขึ้นตลอด บางทีอาจมองเห็นการส่งผ่านเงินลงทุนไปยังราคาผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการให้ปรับสูงมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อของคนซื้อรวมทั้งเป็นปัญหาในการฟื้นของเศรษฐกิจได้
 
แรงผลักดันจากภาครัฐลดน้อยลงบ้างตามสิ่งที่มีความต้องการของเศรษฐกิจ ปรับไปสู่ภาวการณ์รีบฟื้นฟู แล้วก็ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การใช้จ่ายของภาครัฐมีหน้าที่สำคัญสำหรับเพื่อการช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในตอนก่อนหน้านี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นมาตรการช่วยเหลือแก้ไขผู้ได้รับผลพวง ซึ่งเป็นการอัดฉีดจำนวนเงินเข้าระบบเศรษฐกิจในตอนที่จำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมการระบาด ดังนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจปี 2565 ที่ฟื้น ทำให้ความต้องการของแรงผลักดันจากภาครัฐต่ำลงบ้างเมื่อเทียบกับตอนก่อนหน้า โดยเหลือแค่เล็กน้อยในภาคท่องเที่ยวแล้วก็บริการเพียงแค่นั้นที่ยังไม่ฟื้นและก็อยากได้การเกื้อกูลจากภาครัฐถัดไปอีกระยะหนึ่ง ช่วงเวลาเดียวกัน สิ่งที่จำเป็นสำหรับการรีบฟื้นฟูเศรษฐกิจรวมทั้งการรีบปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้พร้อมสำหรับกระแสโลกอนาคตที่กำลังเกิดขึ้นก็จะมากขึ้น ซึ่งเล็กน้อยบางทีอาจจะต้องอาศัยการกระตุ้นจากภาครัฐด้วย
 
ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจไทย ช่องทางแล้วก็การเสี่ยงจาก Global Mega Trends วิกฤตวัววิด 19 ทั้งโลกอันนานถึงสองปีในคราวนี้ ไม่เพียงแค่ก่อให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ว่ายังปฏิบัติภารกิจเป็นตัวรีบให้มีการเปลี่ยนเชิงองค์ประกอบต่างๆและก็ทำให้ global mega trends มาถึงเร็วขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและก็การใช้ชีวิตประจำวันของชาวไทยให้เปลี่ยนไปในโลกสมัยข้างหลังวัววิด 19 ซึ่ง global mega trends ที่ไทยจะต้องรีบปรับพฤติกรรมให้ทัน ประกอบไปด้วย
 
อนุรักษ์ธรรมชาติ กระแสการอนุรักษ์และรักษาสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนมาเป็นข้อจำกัดเพิ่มของส่วนประกอบกิจการค้าโลก โดยในระยะก่อนหน้าที่ผ่านมาชาติมหาอำนาจได้ดำเนินแนวนโยบายด้านสภาพแวดล้อมเข้มข้นขึ้น ซึ่งบางทีอาจกระทบต่อส่วนประกอบกิจการค้าโลกให้ควรจะมีความเคลื่อนไหว ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา และก็ยุโรปได้บัญญัติกฎหมายควบคุมการนำเข้าที่เข้าทางย้ำผลิตภัณฑ์กรุ๊ป carbon footprint ต่ำเวลาเดียวกัน จีนเองก็ออกมาตรการควบคุมจำนวนการปลดปล่อยก๊าสปรากฏการณ์เรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานจากถ่านหิน หันไปใช้พลังงานสะอาดมากเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุฉะนี้ เมืองไทยจำเป็นที่จะต้องตระเตรียมกับความเคลื่อนไหวของส่วนประกอบการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่จะต้องคิดถึงสภาพแวดล้อมให้มากเพิ่มขึ้น ทั้งยังจะต้องต่อกรถ้ามีการย้ายฐานการสร้างอุตสาหกรรมบางชนิดที่ขั้นตอนการผลิตขัดกับแนวทางด้านสภาพแวดล้อมของสากลเข้ามาในประเทศ
 
ก้าวสู่สมัยดิจิทัล ถึงแม้ว่าการไปสู่สมัยดิจิทัลจะเป็นกระแสที่ดำเนินโกรธแค้นยะหนึ่งแล้ว แม้กระนั้นการแพร่ระบาดของวัววิด 19 ได้บอกให้เห็นถึงจุดสำคัญรวมทั้งหน้าที่ของโลกดิจิทัลสำหรับการดำรงชีวิตของคนไม่ใช่น้อย ทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับภาคการสร้างสำหรับเพื่อการแก้ไขขาดแรงงานในหลายประเทศ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในระยะต่อไปพวกเราจะได้มองเห็นการลงทุนแล้วก็การแข่งขันชิงชัยทางด้านเทคโนโลยีที่เข้มข้นขึ้น โดยกรุ๊ป AEs จะย้ำลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง เป็นต้นว่า Artificial Intelligence (AI) รวมทั้ง Quantum Computing เพื่อเพิ่มระดับความสามารถทางการค้า การลงทุน รวมทั้งการคลัง ในช่วงเวลาที่กรุ๊ป EMs มีลักษณะท่าทางที่จะยังเดินหน้าลงทุนในส่วนประกอบเบื้องต้น แล้วก็ปรับปรุงความสามารถการสร้างเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างสม่ำเสมอ


ผู้ตั้งกระทู้ ศรราม :: วันที่ลงประกาศ 2023-01-27 14:20:49


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.